สัญลักษณ์เกียร์ออโต้ ที่คนขับต้องรู้

สัญลักษณ์เกียร์ออโต้ ที่คนขับต้องรู้

83 / 100

สำหรับรถเกียร์ธรรมดา การเปลี่ยนเกียร์ก็จะเลื่อนไปตามเกียร์ 1 2 3 4 ถอยหลัง ซึ่งหากขับเป็นประจำก็ไม่จำเป็นต้องรู้สัญลักษณ์อะไรให้ยุ่งยาก แต่ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ ก็จะมี สัญลักษณ์เกียร์ออโต้ ที่เป็นตัวอักษรต่างๆ ซึ่งถึงแม้จะขับรถเป็น แต่นานๆ จะเช่ารถมาขับสักทีก็อาจจะงงๆ หรือต้องก้มดูว่าตัวไหนคือเกียร์อะไรกันแน่ ถ้าเรารู้ว่าตัวอักษรนั้นย่อมาจากอะไร ก็จะจำได้และเข้าใจง่ายขึ้น เรามาทำความเข้าใจกับสัญลักษณ์เหล่านี้กันก่อน

สัญลักษณ์เกียร์ออโต้ P (Parking) = จอดรถ

P ย่อมาจาก Parking แปลว่าจอดรถ ซึ่งก็คือเราจะเข้าเกียร์นี้เมื่อถึงเวลาตอนจอดรถนั่นเอง โดยปกติจะมีไว้สำหรับสถานที่ที่มีไว้สำหรับจอดรถ เช่นลานจอดรถ โรงรถ เป็นการจอดรถที่นิ่งสนิท ไม่เคลื่อนที่ หรือจอดตรงทางลาดชันที่ต้องการล็อคล้อไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ แต่ต้องดูว่าไม่ได้เป็นการจอดรถขวางใครไว้ เพราะรถจะเลื่อนไม่ได้ หากจอดในที่ที่ควรต้องเลื่อนรถก็ไม่ควรเข้าเกียร์ P แต่ควรเป็นเกียร์ว่างเพื่อให้คนอื่นเคลื่อนรถเราออกไปได้

R (Reverse) = ถอยหลัง

เกียร์ R เป็นเกียร์ถอย สำหรับถอยรถไปข้างหลัง อาจจะถอยเข้าซอง ถอยออกจากซอง หรือถอยเพราะมีอะไรข้างหน้าขวางอยู่ จำไว้ว่าถ้าจะถอยไม่ว่าด้วยอะไรก็ต้องก็ต้องเข้าเกียร์ R ทั้งนั้น ซึ่งเมื่อเข้าเกียร์แล้ว รถจะค่อยๆ ถอยช้าๆ ดังนั้นควรต้องเหยียบเบรกเอาไว้เสมอ และค่อยๆ ถอย และดูข้างหลังว่ามีสิ่งกีดขวางหรือมีคนอยู่หรือไม่ ค่อยๆ ขยับไปทีละน้อย ไม่ควรเหยียบคันเร่ง เพราะอาจตกใจจนรถพุ่ง เกิดอุบัติเหตุได้

N (Neutral) = เกียร์ว่าง

เกียร์ N ย่อมาจาก Neutral ซึ่งก็หมายถึงเกียร์ปกติที่ยังไม่ได้เข้าเกียร์ใดๆ หรือเราเรียกว่า เกียร์ว่าง นั่นเอง โดยปกติเราจะเข้าเกียร์ N ในการจอดรถแบบชั่วคราว เช่น รถที่จอดติดไฟแดง รวมไปถึงการจอดรถในที่จอดรถ กรณีที่อาจกีดขวางทางผู้อื่น หรือเราไปจอดซ้อนคันอื่นอยู่ ซึ่งต้องปลดเกียร์ว่างเอาไว้ และปลดเบรกมือด้วย เพื่อให้รถคันที่จอดก่อนเราสามารถเลื่อนเข็นรถออกไปได้

D (Drive) = เดินหน้า

จำง่ายๆ เลย D Drive หรือ D เดินหน้า เมื่อเข้าเกียร์ D ก็คือการเตรียมตัวขับต่อยาวๆ โดยรถจะเริ่มออกตัวแล่นไปเองช้าๆ เมื่อเหยียบคันเร่ง ซึ่งในเกียร์ออโต้นั้น เราไม่จำเป็นต้องปรับเกียร์ 1 2 34 ด้วยตัวเอง แต่เมื่อรอบเครื่องถึง เกียร์จะเปลี่ยนลำดับขึ้นลงเอง ซึ่งเกียร์ D นี้จะเหมาะกับการขับขี่ในทางราบ

ทีนี้ เรายังเห็นเกียร์ D ที่มีตัวเลขอยู่ด้วย เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ เมื่อรถขับในที่ลาดชัน โดยมีความหมายคือ

  • เกียร์ D3 ใช้เมื่ออยู่บนถนนที่มีความลาดชันน้อย เช่น การขึ้นสะพาน หรือใช้ในกรณีต้องเร่งเครื่องแซงเพื่อให้รถมีกำลังมากขึ้นพอที่จะแซงคันข้างหน้าได้
  • เกียร์ D2 หรือเกียร์ 2 ใช้กับถนนที่มีความลาดชัน เช่น ขับรถขึ้นเขาที่มีความลาดเอียงพอสมควร แต่ไม่ได้สูงมาก เช่น ขับไปตามภูเขา หรือเส้นทางคดเคี้ยว ขับขึ้นลานจอดรถในห้าง เป็นต้น
  • เกียร์ D1 หรือเกียร์ L หรือเกียร์ต่ำ เป็นเกียร์ที่เหมาะสำหรับการขับรถขึ้นภูเขาสูง ที่มีความลาดชันมาก รวมไปถึงการลงเขาด้วย ซึ่งรถจะใช้ความเร็วต่ำมาก เพื่อลดการเหยียบเบรกของเรา ลดการสิ้นเปลืองผ้าเบรก และปลอดภัยกว่า

S (Sport) = สปอร์ต

สำหรับรถรุ่นใหม่ๆ บางรุ่น จะมีสัญลักษณ์เกียร์เพิ่มขึ้นมาอีก เช่น เกียร์ S หรือเกียร์สปอร์ต โดยจะช่วยให้เปลี่ยนอัตราทดเกียร์ช้าลง เพิ่มรอบเครื่องให้สูงขึ้น รถจะมีกำลังมากขึ้นในยามจำเป็น ไว้ใช้สำหรับเร่งแซง ถ้าให้จำง่ายๆ คือ S เอาไว้แซง ซึ่งดูแล้วหน้าที่จะคล้ายๆ กับเกียร์ D3

B (Brake) = เบรก

อีกหนึ่งเกียร์ไม่คุ้นสำหรับรถรุ่นใหม่ก็คือเกียร์ B เอาไว้เบรกหรือลดความเร็วลงนั่นเอง เหมาะกับเวลาที่รถกำลังลงเขา โดยให้เกียร์ช่วยเบรกโดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกตลอดเวลา ทำหน้าที่คล้ายๆ กับเกียร์ L หรือ D1

รู้จักกับเกียร์กันมากขึ้นแล้ว ไม่ว่ารถรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าเราก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ เพื่อให้การขับขี่ปลอดภัย และไม่ว่าคุณจะเช่ารถประเภทไหน ก็ไม่ต้องงงกับสัญลักษณ์เกียร์ออโต้เหล่านี้อีกต่อไป

เช่ารถกับ ChangDrive เลือกได้ดั่งใจ
LINE: @changdrive

Comments (0)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น